การกลับมาของ Miu Miu แบรนด์แฟชั่นที่ฮอตที่สุดในปีที่ผ่านมา

ตั้งแต่ปี 2021 แบรนด์แฟชั่น Miu Miu ก็ได้ชุบชีวิตขึ้นใหม่และขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ขวัญใจแฟชั่นนิสต้าต่อเนื่องกันมาหลายซีซั่น อย่างปี 2024 ที่ผ่านมาก็เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ Miu Miu อย่างแท้จริง ถ้าอิงจากสถิติของ The Lyst Index 2024 แล้ว เราจะเห็นว่า Miu Miu เป็นแบรนด์แฟชั่นที่ขายดีอันดับหนึ่งตลอดทั้ง 3 ใน 4 ไตรมาส โดยเซลล์ในไตรมาสที่ 3 พุ่งสูงขึ้นเป็นพิเศษ สูงถึง 105% ปีต่อปีเลยทีเดียว

แล้วความสำเร็จอันถล่มทลายของ Miu Miu เกิดจากอะไร วันนี้ Spotlite จะพาไปดูกัน

ก่อนจะมาเป็น Miu Miu

Miu Miu มักจะถูกขนานนามเล่นๆว่าเป็น ‘น้องสาว’ สุดเปรี้ยวของ Prada ซึ่งฉายานี้ก็ได้มาจากการที่ Miuccia Prada ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ของแบรนด์ เป็นหลานสาวคนเล็กและทายาทโดยตรงของ Mario Prada ผู้ที่เป็นต้นตระกูลแบรนด์สินค้าลักชูอย่าง Prada นั่นเอง

แม้ว่าความสามารถด้านแฟชั่นจะวิ่งอยู่ในกระแสเลือดของเธออยู่แล้ว แต่ Miuccia Prada ในวัยสาวกลับหันหลังให้กับวงการแฟชั่นลักชูรี่ เธอใช้เวลาไปกับการเรียกร้องสิทธิสตรีในยุค 70s ศึกษาวิชารัฐศาสตร์และจริงจังจนได้ปริญญาเอกสาขานี้มาหนึ่งใบเลยทีเดียว นอกจากนั้นเธอยังสนใจศาสตร์การเป็นนักแสดงละครใบ้ หรือที่เรียกกันว่าการไมม์ อีกด้วย 

ตั้งแต่กลางปี 1970s Miuccia Prada ก็เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจครอบครัว โดยเธอเริ่มทำงานจากแผนกเครื่องประดับและช่วยคุณแม่ของเธอออกแบบกระเป๋าถือก่อน จนในปี 1978 เธอได้ชึ้นมาเป็นดีไซเนอร์หลักและ co-CEO ของ Prada 

ต่อมาในปี 1993 เธอได้ตัดสินใจสร้างแบรนด์ของตนเอง โดยตั้งชื่อให้ว่า Miu Miu ตามชื่อเล่นสมัยเด็กของเธอ เนื่องจาก Prada เป็นแบรนด์ที่เธอทำครีเอทีฟ ไดเรกชันกับ Raf Simmons จนถึงตอนนี้แบรนด์ Miu Miu เลยยังคงเป็นสนามเด็กเล่นเดียวที่ให้ Miuccia ฉายเดี่ยว และให้ดีไซน์ความเป็นสาวร่วมสมัยของเธอออกมาวิ่งเล่นบนรันเวย์ 

พลังของ “Micro Mini Trends”

ขึ้นชื่อว่าเป็น Micro Mini Trends มันก็อาจจะดูย้อนแย้งสักหน่อยถ้าจะพูดว่าเทรนด์เล็กๆเหล่านี้สามารถมีอิมแพคยาวนานหลายซีซั่น แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ Miu Miu ได้ทำมาเรียบร้อยแล้ว หากเราจะสังเกตคอลเล็กชั่นที่ผ่านๆมาหลายปี เราจะเห็นว่าแบรนด์อิมเมจของ Miu Miu ค่อนข้างแข็งแรง จนไม่ต้องยกโครงออกเพื่อสร้างดีไซน์ใหม่ๆมาบ่อยขนาดนั้น เพียงแค่ใช้กิมมิคเดิมที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว Miu Miu ก็สามารถที่จะคงความนิยมของตนอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง

ถ้าลองหลับตาลงแล้วนึกถึงเทรนด์แฟชั่นดังๆ โดยเฉพาะในติ๊กต็อกและโลกออนไลน์ เราก็จะมีภาพโปรดักส์ของ Miu Miu ลอยขึ้นมา เทรนด์ balletcore หรือเทรนด์การแต่งตัวเหมือนนักบัลเล่ต์ Miu Miu เองก็เป็นแบรนด์ริเริ่มผลิตรองเท้าบัลเล่ต์ซาตินส้นเตี้ยและส้นเข็มออกมารองรับกระแสนี้ หรือจะเป็นเทรนด์ librarian chic การแต่งตัวเป็นบรรณารักษ์คุมห้องสมุดแบบชิคๆ Miu Miu ก็เซิร์ฟกระโปรงยาวเลยเข่าและแว่นตากรอบลายกระดองเต่ามาให้เราเห็นแล้ว หรือจะแกล้งๆแต่งลุคเป็นสาว office siren สักหน่อย Miu Miu เองก็เป็นผู้นำเทรนด์การตกแต่งกระเป๋าถือทรงโคร่งใหญ่ให้มีสีสันด้วยพวงกุญแจและสารพัดของกระจุกกระจิก

ไม่มีตัวอย่างไหนบ่งบอกถึงสูตรสำเร็จของ Miu Miu ชัดไปกว่า micro miniskirt อีกแล้ว เพราะยัยกระโปรงมินิสเกิร์ตเอวต่ำอันเป็นไอเทมประกาศกร้าวการคัมแบคของ Miu Miu ตัวนี้ก็ได้ออกมาโลดแล่นบนรันเวย์ของ Miu Miu นานนับหลายซีซั่นหลังจากที่มันแจ้งเกิดเป็นพลุแตกครั้งแรกในปี 2021

แม้ว่ากระโปรงตัวจิ๋วตัวนี้จะหายไปบ้าง แต่ถ้าสังเกตดีๆเรายังส่องเจอวิญญาณของกระโปรงมินิสเกิร์ตตัวเก่งนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเลเยอร์ผ้าที่โหลดต่ำให้เห็นโลโก้ของ Miu Miu ตรงขอบหนังยางด้านใน ชายกระโปรงที่ปล่อยให้รุ่ยร่าย หรือการทำให้กระโปรงพลีทกลับมาฮอตฮิตอีกครั้ง เราจะเห็นได้เลยว่าไอเทมใหม่ๆก็หนีไม่พ้นตราประทับความเป็นเอกลักษณ์ของ Miu Miu เหล่านี้

ถือว่าเป็นการออกแบบดีไซน์ที่ฉลาดพอตัว เพราะแทนที่ Miu Miu จะผลิตลายโมโนแกรมหรือรูปทรงเดียวที่ใช้บ่งบอกความเป็น Miu Miu แบรนด์แฟชั่นนี้กลับซ่อนตัวตนไว้ที่ดีเทลเล็กๆหลายอย่าง ทำให้มันสามารถเล่นกับดีไซน์ รูปทรงและความยาวได้มากมาย ไม่ว่ามันจะไปอยู่บนกระโปรงตาตุ่มหรือกางเกงในปักเลื่อม ดีเทลเหล่านี้จะสามารถบ่งบอกความเป็น Miu Miu ได้

ซึ่งคุณสมบัตินี้แหละที่ทำให้ Miu Miu เข้าถึงฐานลูกค้าได้หลายแนว บวกกับการที่ดีไซน์มีความอเนกประสงต์ทำให้ไม่จำเป็นต้องสวมเข้าเซต Miu Miu อย่างเดียว หลายคนที่ไม่มีกำลังเปย์สามารถเลือกซื้อแยกชิ้นแล้วเอาไปมิ๊กซ์แอนด์แมทซ์กับของในตู้ได้อย่างไม่เก้อเขิน

สร้างความหลากหลายให้ It Girl

ตั้งแต่ยุค 90s Miu Miu ก็ได้มีการเชื้อเชิญอิท เกิรล์อย่าง Drew Barrymore มาขึ้นแคมเปญที่ถ่ายโดย Ellen von Unwerth จนได้รูปหลายชอตที่ยังคงเป็นที่นิยมใน Pinterest จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้น Miuccia Prada ก็ยังตาถึง และเชิญนักแสดงหนังอินดี้อย่าง Chloë Svingy มาร่วมอีกแคมเปญและเดบิ้วต์รันเวย์กับ Miu Miu SS96 เป็นที่แรกอีกด้วย แม้สองสาว Miu Miu ที่โด่งดังในยุค 90s จะมีอะไรคล้ายกันบ้าง แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นอิท เกิร์ล ก็ต้องพ่วงมากับคุณลักษณะที่มีแรงดึงดูดอะไรสักอย่างที่เราไม่สามารถนิยามได้ หรือที่วลีฝรั่งเศสเรียกว่า je ne sais quoi นั่นเอง

พอมาในยุคศตวรรษที่ 21 Miu Miu ก็ได้แคสต์ อิท เกิร์ล เจนใหม่มาเข้าร่วมกองทัพของเธอ โดยมีการเชื้อเชิญเหล่าดารานักแสดงหลากหลายลุคไม่ว่าจะเป็น Mia Goth ผู้รับบทนักแสดงสยองขวัญในหนังไตรภาคของ A24 หรือนักแสดงลุคเซ็กซี่อย่าง Sydney Sweeney ก็ไม่เว้น

แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสาว Miu Miu คือการที่คำว่า อิท เกิร์ล หรือ สาว ไม่ได้ถูกจำกัดความไว้ที่เพศกำเนิดหญิงเท่านั้น ผู้ที่สามารถครอบครองตำแหน่งนี้สามารถเป็นทั้งนักแสดงนอนไบนารี่อย่าง Emma Corrin หรือจะเป็นนักแสดงร่วมหนัง Nosfertu (2024) ของเอ็มม่าอย่าง William Dafoe ที่ออกมาสร้างความฮือฮาจากการเดินปิดโชว์ Miu Miu 2024 ก็ย่อมได้ 

นอกจากนี้ Miu Miu ได้กระจายอิทธิพลของตัวเองโดยการร่วมงานกับนักร้องอย่าง FKA Twigs, Little Simz ขยับมาโซนเอเชียหน่อย Miu Miu ก็ได้จับมือกับศิลปินและนักแสดงจีนอย่าง Lexie Liu และ Zhao Jinmai และสาวๆจากวง K-pop อย่าง Minnie แห่ง I-dle and Momo แห่ง Twice ก็ล้วนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Miu Miu ทั้งนั้น

ที่สำคัญคือการทำงานร่วมกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์เจน ซี ไม่ว่าจะเป็น Ashley Bestdressed, Emma Chamberlain, หรือ Tanya Ravichandran ที่ทำให้ทางแบรนด์ได้รับแต้มต่อจากฐานลูกค้ายุคใหม่อีกด้วย

แฟชั่นที่ไปได้ไกลกว่าเรื่องเสื้อผ้า

ในหลายปีที่ผ่านมา Miu Miu ได้วางตัวเป็นแบรนด์ที่สนับสนุนผลงานศิลปะที่ผลิตโดยผู้หญิงจากมากแขนง สิ่งนี้โชว์แสงยานุภาพว่า Miu Miu ไปได้ไกลกว่าเรื่องเสื้อผ้า เพราะ Miu Miu เล็งไปที่การขายไลฟ์สไตล์ทั้งแพคเกจ

อย่างวงการวรรณกรรมและสิ่งพิมพ์ ปีที่ผ่านๆมาเราได้เห็นเหล่าคนดังออกมาเปิด book club หรือชมรมอ่านหนังสือกันอย่างคราคร่ำ ในปี 2024 Miu Miu ก็ได้ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมกับเทรนด์นี้ ด้วยการเปิดป๊อปอัพสโตร์ไว้ตาม 8 จุดทั่วโลก แต่โปรเจคนี้ไม่ได้เปิดมาเพื่อขายเสื้อผ้า แต่กลับเป็นร้านหนังสือที่เอาไว้แจกหนังสือที่  Miuccia Prada ได้บรรจงคัดสรรมากับมือ 

โดยหนังสือ 3 เล่ม ที่ Miuccia เลือกมาได้แก่ Forbidden Notebook เขียนโดย Alba de Céspedes, A Woman เขียนโดย Sibilla Aleramo, และ Persuasion เขียนโดย Jane Austen ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ล้วนไฮไลต์เสียงของผู้หญิงหลายบทบาท อายุ และยุคสมัย

ในด้านภาพยนตร์ Miu Miu ก็ไม่น้อยหน้าใคร ตั้งแต่ปี 2011 ทางแบรนด์ก็ได้จัดทำแคมเปญ Women’s Tales ที่ช่วยกระจายพรสวรรค์ของผู้กำกับหญิงนานับประเทศให้เป็นที่ประจักษ์กันทั่วโลก ทำไปทำมาเกินหนึ่งศตวรรษเข้าไปแล้ว โปรเจกต์นี้เลยหลายเป็นโปรเจกต์หนังสั้นผู้หญิงที่ดำเนินมานานที่สุด

โดยมีหนังสั้นผลิตออกมาแล้วถึง 29 ตอน ซึ่งรายชื่อของผู้กำกับหญิงที่ร่วมงานกับ Miu Miu มีทั้งผู้กำกับระดับตำนานอย่าง Agnès Varda ผู้กำกับหนังอินดี้อย่าง Miranda July หรือผู้กำกับโซนเอเชียอย่าง Chui Mui Tan ก็ได้มีโอกาสสร้างหนังสั้นกับ Miu Miu กันมาแล้ว

ความสำเร็จของ Miu Miu มีหลายปัจจัยด้วยกัน อาจจะเป็นบุญเก่าของการเกิดมาในตระกูล Prada การทำงานร่วมกับอิท เกิร์ลหลายคนทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง ดีไซน์ยอดฮิตที่ทำลายยอดขายได้อย่างถล่มทลายและอีกหนึ่งสูตรสำเร็จคือการที่แบรนด์เข้ามาเล่นกับศาสตร์ความรู้ต่างๆ 

แฟชั่นไม่ใช่วงการที่ติดอยู่เพียงในโลกของความสวยความงามเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ Miuccia Prada เล็งเห็นก็คือความรู้ ความสามารถ ที่ผู้สวมใส่ Miu Miu สามารถถ่ายทอดออกมานอกเหนือจากเสื้อผ้าบนตัวของเรา นี่แหละที่ทำให้ Miu Miu ก้าวไปได้ไกลกว่าแฟชั่น และครองตำแหน่งแบรนด์ดังติดต่อกันหลายปีในปัจจุบันนี้